เวลาที่เราพูดถึงเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ งาดำ มันเป็นหนึ่งในหมวดอาหารประเภทนี้อันดับต้นๆ อยู่เสมอ เพราะงาดำมีสรรพคุณหลายหลาย มีประโยชน์ต่อร่างกายของผู้ที่ได้รับประทาน เวลารับประทานเรานิยมเอามาโรยในอาหาร มีทั้งที่คั่วมาและตำให้ละเอียดก่อนใส่ ปั่นผสมในเครื่องดื่ม หรือนำมาใส่ในขนม นอกจากมีประโยชน์แล้วงาดำคั่วสุกแล้วยังมีกลิ่นที่หอมน่ารับประทาน ใช้แต่งกลิ่นและเพิ่มความน่าสนใจให้กับอาหารได้เป็นอย่างดี จะมีปัญหาอยู่บ้างก็ในเรื่องคั่วงา เพราะมันมีขนาดเล็กแถมมีสีดำ มองยากว่าสุกพอดีแล้ว หรือเข้าขั้นไหม้ ! ต้องอาศัยความชำนาญในการคั่วกันสักหน่อย แต่อย่าใช้ประสาทสัมผัสทางกลิ่นมากนัก เพราะหากคนที่ไม่ชำนาญ เมื่อได้กลิ่นเหม็นไหม้แล้วค่อยยกลง ส่วนมาก มันไหม้ไปหมดเรียบร้อยแล้วทั้งนั้น ! และอีกอย่างก็คือการเก็บรักษางาดำคั่ว เพราะในงามีน้ำมัน หากเก็บไม่ดีจะเกิดกลิ่นเหม็นหืน ทำให้ไม่น่ารับประทาน ซึ่งจริงๆ แล้วปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นหืน มันเกิดจากการทำปฏิกิริยากันของกรดไขมันในเมล็ดงากับออกซิเจนในอากาศ ทำให้เกิดสารเพอร์ออกไซด์ในอาหาร ซึ่งสารชนิดนี้เองเป็นตัวการทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืน ดังนั้นวิธีเก็บงาคั่วที่ดีที่สุดก็ต้องเก็บในระบบสูญญากาศ โดยการใช้ เครื่องแพ็คถุงสูญญากาศ ช่วยในการจัดเก็บ
ประโยชน์ของงาดำ มีตั้งแต่บำรุงสมอง เพราะมีโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล ดีต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ มีกรดไขมันไลโนเลอิค ที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำ และยังทำให้ผิวชุ่มชื้น และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ในงาดำ มีระดับแคลเซียมสูงมากกว่าที่มีในนมถึง 3 เท่า ! มันจึงดูแลรักษาและบรรเทาอาการกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ไม่ต้องนับเรื่องสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีอย่างพร้อมมูล งาดำคั่ว จึงเป็นอาหารเสริมตามธรรมชาติที่ควรรับประทานและมีติดบ้านไว้เป็นประจำ
ในการจัดเก็บนั้นเราเพียงแค่นำงาดำลงไปคั่วให้สุก (ให้เอาขึ้นทันทีเมื่อเริ่มสุก เพราะหลังจากเอาขึ้นจากกระทะแล้ว ความร้อนในงายังจะทำงานต่อดังนั้นถ้ารอจนสุกพอดีงาจะไหม้เสียหาย) พักไว้ให้เย็น จากนั้นก็สามารถนำไปจัดเก็บด้วย เครื่องซีลสูญญากาศ ได้ตามปกติ หรือจะนำไปตำบดละเอียดก่อนก็ได้ แต่ขอแนะนำว่าหากต้องการเก็บเอาไว้นานให้เก็บทั้งเมล็ดจะดีที่สุด
หน้าที่เข้าชม | 3,089,489 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,189,751 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ก.ย. 2568 |